YOU ARE YOUR BRAND - Study Case : Italian-Thai BRAND and Its C.E.O.

นาทีนี้คงแทบไม่มีใครยังไม่รู้เรื่องข่าวที่น่าตกใจสำหรับคนทั่วประเทศล่าสุด ที่ผู้บริหารบริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่ Italian-Thai ถูกจับหลังลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่ามากมาย ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า!!!!!!!
เราคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงความอุกอาจของเคสที่เกิด
เราคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงความล้มเหลวของระบบที่เอื้อให้มีคนใช้ความใหญ่โตและ connection ระดับสูงเข้าไปทำผิดกฏหมายได้ถึงขนาดนี้
เราคงไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบเคสนี้กับเคสอีกหลายเคสที่เคยได้ยินได้ฟัง
เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงความไม่เท่าเทียมที่ชัดเจนคาตาขนาดนี้....
ถ้าอย่างนั้นแล้ว เอิน... ในฐานะคนทำแบรนด์ได้เรียนรู้อะไรจากเคสนี้บ้าง
สิ่งหนึ่งที่คนเป็นเจ้าของแบรนด์และผู้บริหารมากมายอาจเผลอลืมนึกถึงในบางครั้ง คือเมื่อไหร่ที่เราก้าวออกไปเป็น “แนวหน้า” ขององค์กร หรือเมื่อไหร่ที่เราตัดสินใจจะเป็นเจ้าของแบรนด์แล้ว ~ ไม่ว่าองค์กรนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ~ ไม่ว่าเราจะมี presenter หรือเปล่า ~ ไม่ว่าจะมีคนภายนอกรู้จักเราในวันนี้หรือไม่
เรา..... ก็คือแบรนด์
และแบรนด์... ก็คือเรา
แปลว่าอะไรคะ ...ก็แปลว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร พูดอะไร ไปที่ไหน treat คนอย่างไร มันคือสิ่งที่จะสะท้อนกลับไปที่ตัวแบรนด์ทั้งสิ้น
ที่สำคัญคือยุคนี้... ยุคที่การสื่อสารทั่วถึงขนาดนี้... คุณ... ไม่... มี... ที่... ให้... หนี... หรือแม้จะหลบหลีกความจริง
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ยุคนี้เป็นยุคที่ online กลายเป็นคลังข้อมูลมหาศาล มันคือหลุมดำที่คุณคอนโทรล outlet มันไม่ได้... เมื่อใดที่เรื่องอะไรมันออกไปถึง online แล้ว... มันจะมีชีวิตของตัวเอง
สมมุติว่ามีข่าวที่แย่ต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ คุณใช้อิทธิพลลบมันออกจาก source ที่ 1 ข่าวเดิมก็จะไปโผล่ที่ source ที่ 2 พอคุณปิด source ที่ 2 อีก มันก็จะยังไปโผล่ที่ 3 ที่ 4 ต่อไปเรื่อยๆ เหมือนท่อน้ำที่แตกแล้วไม่มีวันซ่อมปิดกลับไปเหมือนเดิมได้
เราจึงต้องระวังตัวกว่าที่เคย
เราจึงต้องปรับตั้งแต่ mindset ของเราให้ถูกที่ถูกทาง
เพราะวิธีคิดที่ถูกต้องเท่านั้น... จะพาเราไปทำสิ่งที่ถูกต้องแ ละความตั้งใจดีและจริงใจที่แท้จริงเท่านั้น....ที่จะทำให้เราไม่เผลอทำสิ่งที่แย่กับคนอื่น กับสิ่งอื่นที่ สุดท้าย.... ก็จะย้อนกลับมาทำลายแบรนด์ของตัวเอง
.
วันนี้... คนมากมายคงพร้อมใจกัน search หาชื่อคุณเปรมชัยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ที่ผ่านมามีข่าวอย่างไร ว่าบริษัทเป็นอย่างไร และสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือความรู้สึกดูแคลน ความไม่เชื่อ หรือแม้กระทั่งความรังเกียจ ได้ก่อตัวขึ้นในใจของคนที่ได้เห็นข่าวและตามไปดูประวัติที่ผ่านมาของคุณเปรมชัย
เพราะเรารู้แล้วว่าภาพลักษณ์ที่ผ่านมานั้น... ไม่จริง เราจึงเคลือบแคลงว่า... สิ่งดีงามอื่นที่เคยได้ยินได้อ่าน... ก็คงจะไม่จริงเช่นเดียวกัน
หลังจากนี้ไป เอินเองก็ไม่มั่นใจว่า Italian-Thai จะจัดการกับสถานการณ์ต่อไปอย่างไร แต่สิ่งที่แน่ใจได้ในวันนี้... คือแบรนด์ของ Italthai นั้น... เสียหายอย่างมหาศาลทั่วประเทศไปเรียบร้อยแล้ว...
หากเรายังไม่รู้จะวัดความเสียหายทางความรู้สึกที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมไม่ได้ ก็ลองวัดที่ตัวเลขซึ่งร่วงหล่นของหุ้น Italian-Thai ที่น่าจะทำให้เราเห็นความเสียหายของแบรนด์อันเนื่องมาจากการขาด brand trust ได้เป็นอย่างดี และการที่คุณเปรมชัยได้รับการประกันตัวไวขนาดนี้.... ก็คงยิ่งไม่ช่วยกู้สถานการณ์ด้านแบรนด์ได้เลย
